ส่อง 10 เทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์สุดปังในปี 2021

ธุรกิจแพกเกจจิ้ง
19 December 2020
แบ่งปันข้อความนี้
facebook
copylink
ส่อง 10 เทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์สุดปังในปี 2021

ใกล้ถึงสิ้นปีแบบนี้… LocoPack ขอมาอัปเดทเทรนด์การออกแบบแพคเกจจิ้ง ปี 2021 กันหน่อยดีกว่า เพราะในยุคนี้กล่องบรรจุภัณฑ์ยังต้องดูแตกต่างและควบคู่ไปกับงานศิลปะ เพื่อให้ดูสวยงาม โดดเด่น และนอกจากจะสวยงาม โดดเด่น คงทน ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมแล้ว จะมีเทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์อะไรน่าในใจ เราลองมาดูกันว่า 10 เทรนด์ดีไซน์แพคเกจจิ้งในปี 2021 ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าและตอบโจทย์กับสินค้า จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร มาอัปเดตไปพร้อมๆ กันเลย 


1. เพิ่มลวดลายแพทเทิร์นกราฟฟิกเล็กๆ บนกล่อง


คาดว่าในปี 2021 ใช้ภาพประกอบหรือรูปแบบที่เป็นลวดลาย Pattern จากกราฟฟิกมินิมอลขนาดเล็กน่ารักๆ นำไปใช้ออกแบบบนกล่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยสื่อถึงสินค้าที่อยู่ภายใน ก็จะช่วยสื่อสารถึงผู้บริโภคได้ง่ายๆ และไม่ซับซ้อน



2. ออกแบบกล่องแนววินเทจ ย้อนยุคแต่ทันสมัย (Vintage)


สไตล์วินเทจเป็นเทรนด์ที่แทบจะอยู่ในทุกงานออกแบบ เพราะเป็นสไตล์ที่มีความคลาสสิกในตัว สามารถใช้ได้ตลอดไม่ว่ายุคสมัยไหน โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์สินค้าประเภทงานคราฟต์ หรืองานที่ใช้ขั้นตอนเยอะ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความวินเทจนั้นจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความพิถีพิถัน เพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าได้เป็นอย่างดี


3. ใช้ Geometric เรียบง่ายแต่มีสไตล์บนกล่อง


ใครบอกรูปทรงเรขาคณิตที่แสนเรียบง่าย ตกยุค และน่าเบื่อ แต่เราขอบอกเลยว่า...นี่เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่เราจะได้เห็นบ่อยมากขึ้นในปี 2021 นี้ รูปทรงเรขาคณิตจะกลับมาออกแบบเพื่อสร้างความตื่นตา ตื่นใจบนกล่องแพคเกจจิ้งอีกครั้ง โดยจะเลือกใช้กราฟฟิกง่ายๆ อย่าง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม ลายจุด ลายขวาง มาใช้เป็นองค์ประกอบหลักของดีไซน์ รวมถึงสีที่จะช่วยแสดงออกถึงความหมายของผลิตภัณฑ์ได้


4. กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะ


เทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์นี้ จะเน้นไปที่งานศิลปะ ภาพวาด หรือพื้นผิวสัมผัสสีมากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นการใช้เทคนิควาดภาพแบบ Abstract และ Fluid painting ที่สื่อออกมาแบบอิสระ


5. ใช้หมึกลายเส้นออกลวดลายบนกล่อง


เทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์จะให้ความรู้สึกเหมือนย้ายงานศิลปะจากหอศิลป์ไปแสดงบนกล่อง ทำให้ผู้บริโภคถูกดึงดูดออกมาด้วยการถูกร่างและลงหมึกด้วยลายเส้น เพื่อส่งต่อไปพิมพ์บนผลิตภัณฑ์


6. รูปทรงธรรมชาติที่ใช้สีสันตัดกัน


จริงๆ แล้วเทรนด์ของ Color Blocking ไม่ใช่อะไรใหม่ แต่ที่ใหม่คือการออกแบบนำรูปทรง Freeform ต่างๆ ที่อิงตามธรรมชาติมาเพิ่มกิมมิคด้วยการใช้สีสันที่ตัดกันตามขนาดของบล็อก ออกมาเป็นลวดลายที่ไม่สมดุล ไม่สม่ำเสมอ   


7. ชื่อสินค้าต้องอยู่ด้านหน้า และกลางกล่องเสมอ

เทรนด์นี้จะเป็นการเพิ่มความแตกต่างบนกล่องบรรจุภัณฑ์ ด้วยการสร้างตัวอักษรจากชื่อสินค้าให้มีเอกลักษณ์ เป็นดาวเด่นอยู่ด้านหน้าและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการสร้างงานศิลปะในรูปแบบของตัวเอง ซึ่งจะช่วยเน้นเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ได้ชัดเจนมากขึ้น


8. ดีไซน์ต้องสมมาตร


เทรนด์บรรจุภัณฑ์นี้ไม่ต่างกัน บางคนจะเล่นกับรูปทรงที่เป็นลวดลายแบบ Freeform แต่ต้องมีความสมมาตรกัน ซึ่งการออกแบบบรรจุภัณฑ์นี้จะดึงดูดความสงบ ไม่อัดแน่นหรือซับซ้อน เพื่อสร้างลักษณะเฉพาะของเทรนด์นี้


9. แพคเกจจิ้งที่มี Character เฉพาะ จะช่วยเล่าเรื่อง 

ปลุกตัวละครให้มีชีวิตโลดแล่นบนกล่องบรรจุภัณฑ์ โดยการเพิ่มบุคลิก เติมความมีอารมณ์ขัน สร้างความตื่นเต้นที่สนุกสนาน ผ่านการเล่าเรื่องราวที่ไม่เหมือนใคร ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ความแปลกใหม่ที่ทำให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับแพคเกจจิ้งหรือตัวสินค้าได้มากขึ้นเยอะ ซึ่งเทรนด์นี้กำลังฮิตและใช้ได้ผลมากๆ กับแบรนด์ในออสเตรเลีย


10. กล่องเน้นสี Solid ทั้งหมด

อีกหนึ่งเทรนด์ที่มีความคลาสสิกไม่แพ้กัน โดยเริ่มสังเกตเห็นจากเทรนด์ปีที่ผ่านมาจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะนิยมออกแบบบรรจุภัณฑ์ด้วยโทนสีขาวดำ เพื่อเพิ่มความหนักแน่นให้กับตัวแบรนด์และตัวสินค้า แต่ปัจจุบันเริ่มมีการใช้โทนสีที่สดใสและสีที่โดดเด่นมากขึ้น หรือเลือกเฉดสีที่แปลกตาเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เทรนด์นี้ดูเฟรช มีความสดใหม่

 

เมื่อรู้เทรนด์ก่อนใครแบบนี้แล้ว ทำตามเทรนด์การออกแบบแพคเกจจิ้งที่กำลังมาแรงในปี 2021 ได้ใจผู้บริโภคไปแน่นอน และสำหรับใครที่สนใจอยากจะออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือผลิตบรรจุภัณฑ์สวยๆ ที่ดีต่อใจผู้บริโภค แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกผลิตกับใคร ให้ LocoPack ช่วย เพราะเรามี One Stop Service บริการแบบครบวงจรที่รับออกแบบ เปรียบเทียบราคากล่องกระดาษได้ เลือกสั่งผลิตกับโรงงานคุณภาพเองได้ตลอด 24 ชม. สะดวก สินค้าคุณภาพไม่ตรงตาม spec ยินดีคืนเงินภายใน 14 วัน สนใจออกแบบแพคเกจจิ้งในแบบของตัวเองได้ที่ https://www.locopack.co/th/

---------------------------------------------------------------

Source :

https://99designs.com/blog/trends/packaging-design-trends/ 


สนใจแพคเกจกจิ้งแบบนี้บ้าง

เริ่มเลย
แบ่งปันข้อความนี้
facebook
copylink

อ่านต่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง
3 คำถามต้องตอบได้ ก่อนเริ่มดีไซน์แพคเกจจิ้ง!
แพกเกจจิ้งออกแบบ 12 May 2020
คือเรื่องง่ายที่ใครก็รู้ แต่คำถามที่ว่า “จะออกแบบแพคเกจจิ้งแบบไหนให้ออกมาดี?” นี่สิ คือเรื่องยาก ที่คุณต้องหาคำตอบ ดังนั้นสำหรับเจ้าของแบรนด์ที่อยากดีไซน์แพคเกจจิ้งดีๆเพื่อสินค้าคุณ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร คุณมาถูกทางแล้วครับ สำหรับปัญหาข้อนี้ LocoPack มีทางออกให้กับคุณ เพียงลองตอบคำถาม 3 ข้อต่อไปนี้ให้ได้ เพราะถ้าตอบได้แล้วก็จะสามารถทราบได้ในทันที ว่าแนวทางเพื่อการออกแบบแพคเกจจิ้งสำหรับสินค้าของคุณควรเป็นอย่างไร 1. สินค้าของคุณคืออะไร?ก่อนอื่นเพื่อกำหนดลักษณะโดยรวมของแพคเกจจิ้ง ลองพิจารณากันก่อนครับ ว่าสินค้าของคุณเป็นสินค้าประเภทไหน ทำจากอะไร ขนาดเท่าไร ความคงทนเป็นอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการออกแบบแพคเกจจิ้งทั้งสิ้น ในขณะที่สินค้าเปราะบางแตกง่าย ต้องการบรรจุภัณฑ์มั่นคงแข็งแรง รองรับการกระแทกขณะขนส่ง สินค้ารูปทรงแปลกตา อาจต้องการบรรจุภัณฑ์ออกแบบพิเศษที่พิถีพิถันมากกว่าการเลือกใช้กล่องรูปทรงธรรมดา 2. ใครคือผู้ซื้อสินค้า?ผู้ชาย ผู้หญิง เด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่ ใครคือกลุ่มเป้าหมายของสินค้าคุณ? เพราะกลุ่มคนแต่ละกลุ่ม ย่อมถูกดึงดูดด้วยรูปลักษณ์ของแพคเกจจิ้งที่แตกต่างกัน ในขณะที่แพคเกจจิ้งสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่หรือสูงวัย ควรเป็นการดีไซน์แบบง่าย และมีตัวอักษรขนาดใหญ่เพื่อให้เห็นข้อความได้ชัดเจน การออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดูเปรี้ยวเท่หรูหราก็สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้ามีฐานะที่ชอบความโก้หรูดูดี ดังนั้นการทราบก่อนว่าผู้ซื้อสินค้า คือกลุ่มบุคคลประเภทไหน เราก็จะสามารถกำหนดทิศทางการออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น3. สินค้าจะถูกจำหน่ายอย่างไร ?ลองพิจารณาสักนิด สินค้าของคุณนั้นถูกจำหน่าย ซื้อขายในช่องทางไหน เป็นการตั้งสินค้าหน้าร้าน ซื้อมาจำหน่ายไปแบบปกติ หรือผ่านการสั่งซื้อออนไลน์? เมื่อสถานที่ขายสินค้าต่าง กลยุทธ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ก็ต่างกัน หากเป็นการวางสินค้าบนชั้นวาง มีคู่แข่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน สินค้าของคุณต้องการบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง เพื่อดึงดูดสายตา แต่ถ้าสินค้าของคุณเน้นช่องทางการขายบนโลกออนไลน์ คุณก็ต้องมองหาการออกแบบแพคเกจจิ้งที่ให้ความสะดวก และเหมาะสมกับการขนส่งทางไกลมากกว่าภาพลักษณ์แพคเกจจิ้งที่ต้องโดดเด่นกว่าใครCredit: 99designs
“Ultra Violet” โทนสีปี 2018 จาก Pantone
ออกแบบ 11 May 2020
พอถึงสิ้นปีทีไร แวดวงการออกแบบ รวมทั้งวงการแฟชั่น ก็ได้เวลาลุ้นตัวโก่งกันทุกที ว่าปีนี้ บริษัทสีเจ้าแม่ยักษ์ใหญ่อย่าง Pantone จะเลือกสีใด เป็นโทนสีแห่งปีของปีถัดไป สำหรับปีนี้เองก็เช่นกันครับ แต่ทว่า ตอนนี้เราไม่ต้องลุ้นให้ตื่นเต้นกันอีกต่อไปแล้ว เพราะ Pantone ประกาศออกมาให้โลกรับรู้แล้วว่า สีม่วง Ultra Violet รหัส 18–383 คือสีแห่งปี 2018! ซึ่งเมื่อ Pantone ประกาศผลมาปุ๊บ LocoPack ก็ไม่อยากรอช้า ขอนำเสนอข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเจ้าสีม่วงสุดเย้ายวนผ่านบทความนี้กันเลย ULTRA VIOLET สำหรับกราฟฟิกและแพคเกจจิ้งดีไซน์แฝงไปด้วยความซับซ้อน ดูลึกลับ แต่ให้ความรู้สึกกลมกลืน สีม่วง Ultra Violet ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นโทนสีแห่งปีสำหรับแวดวงการออกแบบกราฟฟิกและแพคเกจจิ้ง ซึ่งผลการคัดเลือกครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางของผลงานดีไซน์เนอร์จากทั่วโลกเป็นอย่างดี ดั่งที่ปรากฏให้เห็นในเทรนด์การออกแบบแพคเกจจิ้ง สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเสริมความงาม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์หรู ซึ่งนับวันจะยิ่งเน้นความซับซ้อนและมิติของการออกแบบที่มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ULTRA VIOLET และวงการแฟชั่นด้วยคุณสมบัติที่มีความเป็นกลางระหว่างเพศหญิงและเพศชาย ตัวเลือกอย่างสีม่วง Ultra Violet ที่ผสมผสานกันระหว่างพื้นสีของสีแดง และสีฟ้า ได้ถูกหยิบยกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงระหว่างผู้ออกแบบ ผู้ผลิตและผู้บริโภคทุกๆเพศ นอกจากนี้ความเข้ากันได้ดีกับสี และวัสดุที่หลากหลายอย่างไม่จำกัด อาทิ การใช้สีทองกับสีม่วงเพื่อให้บรรยากาศหรูหรา การใช้สีเขียวเทากับสีม่วงก็ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้การจับคู่ผ้าหรูอย่างกำมะหยี่กับสีม่วงสำหรับชุดราตรีงานกลางคืน ก็ดูเข้ากันได้ดีไม่แพ้การเลือกใช้สีม่วงสำหรับสินค้านักกีฬา หรือรองเท้าผ้าใบ ULTRA VIOLET ในแวดวงความงาม ถือเป็นมนต์ขลังของสีม่วง Ultra Violet ที่สามารถใช้เสริม แต่งประกายเพื่อเพิ่มความงามน่าหลงใหลให้กับทุกๆคน ด้วยความนุ่มลึกแบบเป็นธรรมชาติที่เข้ากันได้ดีกับความลงตัวของการผสมสี ไล่สี สีม่วงได้ถูกคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของความงามในวงการแฟชั่นผ่านหลายกรรมวิธีการใช้ ไม่ว่าการใช้สีม่วงเดี่ยวๆ เพื่อทาเป็นลิปสติก หรือใช้เป็นสีเล็บสามารถที่สร้างเอกลักษณ์มั่นใจปนเท่ห์ ให้กับผู้เลือกใช้ หรือการใช้สีม่วงผสมกับสีเมทาลิกเพื่อใช้กับเปลือกตาให้เจ้าของดวงตาดูลึกลับ เป็นปริศนาดั่งสีของจักรวาลก็นับเป็นอีกเคล็ดลับวิธีสร้างความน่าดึงดูดที่น่าสนใจ นอกจากนี้สีม่วงยังได้ถูกเลือกใช้เป็นเฉดสีสำหรับการย้อมเส้นผมที่นับวันจะได้รับความนิยมมากขึ้นในมุมมองความงามแบบ Street StyleULTRA VIOLET เพื่อการแต่งบ้าน หากกำลังมองหาหนทางเพื่อเปลี่ยนห้องแบบเดิมๆให้เป็น ห้องที่บ่งบอกความเป็นตัวเองได้มากขึ้น การเลือกใช้สีม่วง Ultra Violet นับเป็นวิธีที่น่าสนใจที่ Pantone เสนอ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถเข้ากันได้ดีกับสีต่างๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว การจับคู่สีม่วงกับสีสันโทนสดใสหรือ สีสว่างสามารถช่วยฉุดความโดดเด่นของเครื่องแต่งบ้านชิ้นอื่นๆ นอกจากนี้สีม่วง ยังนับเป็นสีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในทุกๆห้องของบ้าน หรืออาคารได้ด้วยเช่นกัน Credit: Pantone
“ข้อมูลที่ต้องพร้อม” ก่อนเริ่มออกแบบแพคเกจจิ้ง!
แพกเกจจิ้งออกแบบ 12 May 2020
ต่อจากคราวก่อน ที่เราได้ให้แนวทางการออกแบบแพคเกจจิ้ง ผ่าน 3 คำถามสำคัญ ที่ต้องตอบได้ก่อนเริ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์กันไปแล้ว สำหรับบทความในวันนี้ เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับเจ้าของแบรนด์ที่อยากออกแบบแพคเกจจิ้งดีๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดไลค์ อัพยอดขายสินค้าและบริการของคุณให้ได้ LocoPack ขอกระเถิบลงรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกสักหน่อยนะครับ โดยขอพูดต่อกันถึง “ข้อมูลที่คุณต้องมีพร้อม” เพื่อการสร้าง และผลิตแพคเกจจิ้งดีๆ พร้อมใช้งานที่จะออกมาตรงใจผู้ขาย และถูกใจผู้ซื้อได้อย่างแน่นอน 1. ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์เพราะสินค้าและแพคเกจจิ้ง คือสื่อสำคัญเพื่อการโปรโมทแบรนด์ของคุณสู่สายตาของลูกค้าและผู้พบเห็น ดังนั้นการออกแบบแพคเกจจิ้งจึงต้องใส่ใจในรายละเอียดอัตลักษณ์ของแบรนด์ โดยก่อนการเริ่มออกแบบ คุณควรมีข้อมูลเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ดังต่อไปนี้ครบถ้วนกันเสียก่อน สีหลัก เฉดสีที่เลือกใช้: ชื่อสี โค้ดสี ฟ้อนต์ตัวอักษร: ให้ระบุการใช้ให้ชัดเจน อาทิ ตัวหนาสำหรับหัวข้อ ตัวเล็กบางสำหรับข้อมูลทั่วไป โลโก้ของแบรนด์: จัดเตรียมประเภทไฟล์ที่เหมาะสม เพื่อการจัดพิมพ์ 2. ข้อมูลที่ต้องมีบนแพคเกจจิ้ง แต่ละประเภทสินค้า แต่ละแบรนด์ ย่อมมีข้อมูลเพื่อการปริ้นท์บนแพคเกจจิ้งแตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อสร้างแพคเกจจิ้งตรงใจ สามารถใช้งานได้จริง การมีข้อมูลในส่วนนี้ไว้ครบถ้วนก่อนจึงสำคัญมากนะครับ ทั้งนี้ข้อมูลที่ต้องมีเพื่อระบุบนแพคเกจจิ้ง ก็ได้แก่ ข้อความ: เช่น ชื่อสินค้า คำขวัญ คำอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับสินค้า รูปภาพ: ไม่ว่าจะภาพพรีเซนเตอร์ ภาพส่วนประกอบ หรือภาพสินค้า ขอให้จัดเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนเริ่มต้นการออกแบบ เครื่องหมายที่จำเป็น: อาทิ บาร์โค้ด เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรองจากภาครัฐ ข้อมูลอื่นๆ: อาทิ ข้อมูลตามกฎหมาย ที่อาจต้องเปลี่ยนแปลงภายหลัง หรือยังเป็นข้อมูลที่ไม่แน่นอน (ซึ่งคุณไม่อาจจำเป็นต้องปริ้นท์ลงบนแพคเกจจิ้งโดยตรง แต่อย่าลืมเหลือเนื้อที่ สำหรับการเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนนี้ เช่นพื้นที่เพื่อแปะสติ๊กเกอร์ หรือปริ๊นท์ลงในภายหลังด้วยนะครับ) 3. แบบที่ชอบ สไตล์ที่ใช่ ขอให้รวบรวมแพคเกจจิ้งที่ชอบ เห็นทีไรถูกใจทุกทีไว้เลยนะครับ เลือกเก็บไว้หลายๆแบบ อาจใช้วิธีการถ่ายภาพ ครอปภาพมาไว้ก็ได้ นอกจากนี้ลองนึกถึงวัสดุสำหรับทำแพคเกจจิ้งของคุณด้วย เพราะข้อมูลของแบบแพคเกจจิ้งที่ชอบ จะสามารถนำมาประยุกต์รวมกัน หรือให้ไอเดียแก่ผู้ออกแบบ เพื่อสร้างเป็นแพคเกจจิ้งในฝันให้กับแบรนด์ของคุณได้นั่นเอง 4. งบประมาณ งบประมาณการผลิต และต้นทุนของแพคเกจจิ้ง คืออีกข้อสำคัญที่ต้องคำนึงถึงก่อนเริ่มลงมือออกแบบ ทั้งนี้ต้นทุน หรือเรื่องเงินๆทองๆของการผลิตแพคเกจจิ้งที่ว่า จะแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือ ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเพื่อการออกแบบ ครอบคลุมถึง ค่าจ้างออกแบบ ค่าแม่พิมพ์ ซึ่งค่าใช้จ่ายในหมวดนี้ มักจ่ายกันเพียงครั้งเดียวเพื่อการใช้ที่ยาวนาน ต้นทุนต่อชิ้น ซึ่งรวมถึงค่าวัสดุและค่าแรงงานที่ใช้ต่อแพคเกจจิ้งหนึ่งชิ้น นอกจากนี้ อย่าลืมว่า งบประมาณที่ถูกกว่าใช่ว่าดีกว่าเสมอไป เพราะการใช้วัสดุคุณภาพดี การออกแบบมีคุณภาพ จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าให้ดูโดดเด่นกว่าแบรนด์คู่แข่งอย่างไรก็ตาม การออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดี ให้มีภาพลักษณ์เตะตา น่าดึงดูด ที่คำนึงถึงความเหมาะสม และถูกใจทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายก็สามารถทำได้ในราคาประหยัด และต้นทุนที่ถูกกว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ความคิด ไอเดียและความเชี่ยวชาญในการออกแบบแพคเกจจิ้งนั่นเอง Credit: 99designs